วันนี้อยากพูดถึงสถานที่ที่หนึ่งที่ไปเที่ยวมา นั้นคือด่านเจดีย์สามองค์ ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ติดกับประเทศเพื่อนบ้านเรานั้นคือ ประเทศพม่า หรือเดี๋ยวนี้เค้าเรียกกันว่าเมียนมาร์
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ การเดินทางครั้งนี้สิ่งที่ไม่เหมือนจากที่คาดไว้อย่างแรกก็คือ สภาพอากาศ สภาพอากาศช่วงเทศกาลปีใหม่ ปกติแล้วต้องเป็นบรรยากาศที่หนาวมาก แต่การไปครั้งนี้ผิดคาด ที่กาญจนบุรีสภาพอากาศร้อนมาก ไม่ใช่ร้อนอย่างเดียวร้อนมาก ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยแต่ละคนต่างเหงื่อตกไปตามๆกัน พอไปถึงก็ได้ไปหาโรงแรมที่พัก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าโรงแรมที่พักหายากมาก ที่พักแต่ละที่เต็ม ตอนแรกกะไว้จะหาแพพัก แต่เต็มหมด ดีที่ยังมีที่พักเหลือ ก็เลยได้เปิดห้องหนึ่ง นอนด้วยกันกับเพื่อนผู้ร่วมเดินทาง 7 คน
พอได้ที่พักเสร็จพวกผมก็ไม่รอช้า(กลัวเที่ยวไม่จุใจ) นั่งรถสองแถวบริเวณที่ท่ารถเพื่อเดินทางไปด่านเจดีย์สามองค์ ระหว่างที่นั่งรถก็เจอกับด่านตรวจคน ซึ่งคนไทยทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนคนต่างชาติหรือที่เรียกว่าคนพม่า ต้องแสดงบัตรต่างด้าว ถ้าไม่มีรู้ป่าวครับว่าตำรวจเค้าให้ทำอะไร 55+ เฉลยเลยแล้วกัน ให้รดน้ำต้นไม้ครับ ตลกรึป่าวครับ ผมว่ามันน่าตลกมากทีเดียวที่ให้คนที่เข้าเมืองผิดกฏหมายรดน้ำต้นไม้ ทำโทษ อันที่จริงแล้วประเทศเราเป็นประเทศที่เปิดมากพอสมควร คนเข้าออกประเทศอย่างอิสระ แต่ผิดกับพม่า ต่างกันตรงไหนละไว้ในฐานที่เข้าใจ วกเข้ามาเรื่องผมดีกว่าก่อนจะออกทะเลมากกว่านี้ ผมลืมบัตรประชาชนมา ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นไรรึป่าว พอตรวจจริงๆผมก็แสดงบัตรนิสิต ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เห็นรึป่าวครับว่าประเทศไทยเสรีแค่ไหน พูดกันถึงบรรยากาศสองข้างทางดีกว่า บริเวณสองข้างทางที่ผมนั่งรถมา มองเห็นต้นไม้ชนิดหนึ่งคล้ายไบเบิล แต่เพื่อนผมบอกว่าเค้าก็เรียกกันว่าต้นไบเบิล ไม่รู้จริงรึป่าว ปลูกเต็มบริเวณสองข้างทาง สุดลูกหูลูกตา ดูแล้วเหมือนบรรยากาศเมืองนอกยังไงชอบกล
แล้วรถของเราก็มาถึงด่านเจดีย์สามองค์ ผมเห็นตอนแรกตกใจนิดหน่อย ตอนแรกนึกว่าเจดีย์จะเป็นเจดีย์ใหญ่ๆ ที่ไหนได้เป็นเจดีย์อันเล็กๆ สามอันสร้างเรียงกันอยู่ แต่เอาเหอะก็เป็นเจดีย์เหมือนกันแหละครับ ที่ด่านนี้มีของขายเยอะพอสมควร แต่สวนใหญ่เป็นของพวกเครื่องประดับพวกพลอย มีสินค้าจากพม่าด้วย นั้นคือสินค้า พวกสบู่ แป้ง เพื่อนคนหนึ่งของผมซื้อแป้งพม่ามาเยอะมาก เค้าบอกว่าหน้าจะได้ขาวเหมือนพม่า พวกผมซื้อของ ถ่ายรูปสักพักก็ต้องกลับเพราะกลัวรถหมดเรานั่งรถกลับ มาถึงท่ารถก็ได้บอกให้ คนขับรถพาไปส่งที่สะพานมอญ
ถึงสะพานมอญเป็นสะพานไม้ คนเยอะมาก ทั้งคนไทยและคนมอญ ยืนกันอยู่เต็มสะพาน เดินสักพักพวกผมก็ไปนั่งเรือเล่น ไปดูวัดจมน้ำ เหตุที่เป็นวัดจมน้ำก็เพราะว่าแต่ก่อนที่บริเวณนี้เป็นหมู่บ้านเหมือนหมูบ้านทั่วไปนี้แหละครับ พอรัฐบาลทำการสร้างเขื่อนก็เลยต้องย้ายหมู่บ้านบริเวณนี้ไปอยู่อีกที่หนึ่ง ทำให้บริเวณที่เดิมกลายเป็นเขื่อน เรานั่งเรือสักพักก็เดินเข้าไปหมู่บ้านมอญ ซึ่งหมู่บ้านนี้คนที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่เป็นคนมอญ ซึ่งคนมอญดูเป็นมิตร และอัธยาศัย ดีมาก ใกล้ค่ำ พวกผมก็ได้นั่งรถไปเจดีย์พุทธคยา ได้แวะเดินเที่ยวไม่นานก็กลับเพราะค่ำแล้ว
พวกผมกลับมาบริเวณที่พักเดินหาของกินบริเวณตลาด ของที่ตลาดนี้เยอะมาก อาหารก็ถูกปากระดับหนึ่ง เรานั่งกินข้าวเสร็จก็เดินเที่ยวงานปีใหม่ที่อำเภอสังขละบุรีจัดขึ้น
พวกผมเดินมางานปีใหม่ที่จัดขึ้นบริเวณสนามกีฬาประจำอำเภอ ที่นี้มีของขายคล้ายงานวัด และมีดนตรีให้ดูให้ฟัง งานนี้มีดนตรีอยู่ 2 เวที เวทีแรกเป็นเวทีที่แสดงดนตรีของมอญ พวกผมเดินไปดูสักพักก็ออกมา แล้วไปอีกเวทีหนึ่งเป็นเวทีลูกทุ่ง ซึ่งมีคนเต้นรำวงอยู่ข้างล่าง คล้ายกับงานรำวงที่เคยเห็นตอนเด็กแถวบ้าน ซึ่งปัจจุบันก็หาดูได้ยากแล้ว
จากงานที่สนามกีฬาเราก็รีบเดินมาที่สะพาญมอญเพื่อเราจะไปนับถอยหลังสิ้นปีกันที่นั้น พอไปถึงผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลกันมาที่สะพานเช่นเดียวกับพวกเรา ผมก็ได้ไปซื้อโคมประทีบมา แล้วจุดลอยเพื่อส่งสิ่งที่แย่ๆ แล้วก็สิ่งที่เลวร้ายในปีที่ผ่านมาให้ลอยไปกับโคม บรรยากาศที่สะพานมอญดีมากอากาศเย็น อยู่แล้วรู้สึกสดชื่นดีมาก แล้วก็ถึงเวลาเริ่มต้นพุทธศักราชใหม่ มีการเฉลิมฉลองโดยการจุดพลุ บริเวณสะพาญ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว จากนั้นพวกผมก็เดินกลับที่พัก เพื่อพักผ่อน เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าจะได้รีบตื่นไปทำบุญตักบาตรแบบมอญที่สะพานมอญที่เดิม
ตื่นมาตอนเช้าพวกผมก็รีบตื่น เพื่อไปซื้อของทำบุญตักบาตรพระ พอถึงสะพานก็ทำบุญตักบาตรพระ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีมาก จะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ให้เข้ามาในชีวิต หลังจากปีที่ผ่านมาเจอสิ่งที่แย่ๆเข้ามามากมาย จากนั้นก็ได้ไปเที่ยววัดเพื่อไหว้พระ แล้วก็กลับที่พัก เพื่อเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
การไปเที่ยวอำเภอสังขละบุรีครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีมากในชีวิตครั้งหนึ่งของผม เป็นการฉลองปีใหม่ที่แตกต่างจากปีก่อนๆที่ต้องไปฉลองในเมืองหลวงซึ่งมีผู้คนแออัดยัดเหยียดกัน มาเป็นสถานที่ต่างจังหวัดซึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้และแม่น้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น